วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

All Situation Analysis to ASEAN+6

All Situation Analysis to ASEAN+6

จากข้อมูลทั้งหมดของแบรนด์ การบินไทยเลือกที่จะจับตลาดอาเซียน+ 6
ที่โซนยุโรป , โซนตะวันออกกลางและกลุ่ม East Asia Summit ที่ประกอบไปด้วยประเทศ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย  นิวซีแลนด์ อินเดีย

เหตุที่เลือก โซนยุโรป และ โซนตะวันออกกลาง เพราะ
เนื่องจากด้วยการวิเคราะห์ทางสายการบินไทยค่อนข้างสื่อสารกับกลุ่มต่างประเทศเยอะ และลูกค้าหลักนอกจากคนไทยที่มีเงินทุนหนาเพื่อการเดินทางแล้ว กลุ่มต่างชาติเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างน่าสนใจในการทำการสื่อสารด้วย เพื่อเพิ่มยอดขายและส่วนแบ่งทางการตลาดที่ลดลงของการสายการบิน

เหตุที่เลือกกลุ่ม East Asia Summit เพราะค่อนข้างใหม่ในกลุ่มอาเซียน เป็นการเปิดกว้างในเรื่องการติดต่อสื่อสาร การเปิดการค้าเสรี และสร้าง Capacity Building ให้แก่ประเทศเพื่อเพิ่มการพัฒนาร่วมกันมากยิ่งขึ้น

ด้วย 3 กลยุทธ์หลัก :
Repositioning-Brand Strategy
: เพื่อปรับภาพลักษณ์ให้ชัดเจน [Clear positioning] ต่อการรับรู้ของผู้บริโภค เพื่อเกิดทัศนคติที่ดี [Attitute Change] และเกิดพฤติกรรมที่ดีในการตัดสินใจเลือกสายการบินไทย

CSR Communication
: ตามนโยบายกลุ่มอาเซียนและทันต่อเหตุการณ์โลกด้วยการเพิ่มแคมเปญสนับสนุน รับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีต่อไป

IT Management in Communication
: ใช้ทรัพยากรและเทคโนโลยีเพิ่มช่องทางการสื่อสารติดต่อกับผู้บริโภค ให้รู้สึกว่าผู้บริโภคสำคัญต่อแบรนด์ของเรา และอาจเพิ่มช่องทางสายการบินด้วยการร่วมมือกับประเทศที่เราทำการตลาดด้วย


วิเคราะห์ตามหลัก BCG [ BCG Analysis ]

วิเคราะห์ตามหลัก BCG [ BCG Analysis ]



เนื่องจากการบินไทยสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดให้กับสายการบินโลว์คอสถึง 32 % หลังจาก 7 ปีที่ผ่านมาการบินไทย มีส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจการบินในประเทศถึง 82% แต่ปัจจุบันทั้งการบินไทย และนกแอร์ มีส่วนแบ่งการตลาดเหลือเพียง 50 %
ทางสายการบินจึงควรเปิดกว้างมากขึ้นในการลงทุน และจัดสรรทรัพยากรสิ่งแวดล้อม หรือ เทคโนโลยีในการสร้างแบรนด์ให้เข้มแข็งขึ้น

จากการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น การบินไทยจัดเป็นผลิตภัณฑ์ “ Question Marks”
  นอกจากยอดที่ต้องรักษาไว้ การรักษาส่วนคลองตลาด (Hold)เป็นวัตถุประสงค์เพื่อคงส่วนคลองตลาดที่มีอยู่เอาไว้  วัตถุประสงค์นี้เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ทำเงินอย่าง การบินไทย


วิเคราะห์ตามหลัก 4Ps’ [Marketing mixed analysis]

วิเคราะห์ตามหลัก 4Ps’ [Marketing mixed analysis]



PRODUCT : - Quality จากข้อมูลเบื้องต้น และ เปรียบเทียบจากคู่แข่ง การบินไทยจัดเป็นสายการบินอันดับต้นที่ได้รับการยอมรับ ด้วยรางวัลการันตีมากมาย ด้วยการบินสายการบินแห่งชาติ
                 - Style เสนอจุดยืนของการเป็นสายการบินแห่งชาติได้ค่อนข้างดี จากการสื่อสารของโฆษณาหลายๆชุด ค่อนข้างตอกย้ำความเป็นสายการบินแห่งชาติด้วย traditional execution
                -  Options มีหลากหลายบริการเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน
                 - Brand Name ถือว่าเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ และน่าสนใจทีเดียวสำหรับนักเดินทางที่ต้องการประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมจากทางสายการบิน


PRICE : ด้วยราคาสินค้าที่ค้อนข้างต่างจากคู่แข่ง แต่เรานำเสนอคุณภาพที่สมราคา มีการใช้กลยุทธ์การตั้งราคาสูง (Skimming Price) กรณี สินค้ามีลักษณะเด่น ต่างจากคู่แข่ง และมีหลากหลายทางเลือกรองรับผู้บริโภคที่มีค่าใช้จ่ายที่ต่างกันออกไปเช่นกัน นอกจากนั้นถือว่าราคาของเราเหมาะสมกับช่วงวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ ของสายการบินซึ่งถือว่าอยู่ในช่วง Maturity Stage หาก drop ราคาให้ต่ำกว่านี้ คงจะทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์เปลี่ยนไป


PLACE :
-  Distribution ช่องทางการจัดจำหน่ายตั๋วของสายการบินค่อนข้างหลากหลายและสะดวกกับผู้บริโภคหลายกลุ่ม นอกจาก Counter ของสนามบิน ยังมี Dealer บริษัททัวร์ต่างๆ และที่สำคํยในปัจจุบันได้มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เป็นช่องทางการจำหน่ายที่ทำให้ผู้บริโภคที่มีการดำเนินชีวิตที่ซับซ้อนได้สะดวก สบายขึ้น โดยการมี Appplication ของสายการบินบน Smart Phone
-  Coverage หากนอกจากช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมยังมีฐานการบินหลักที่ครอบคลุมอีกด้วยเช่นกัน


PROMOTION :

เครื่องมือที่ใช้ในการส่งเสริมการตลาดของสายการบินนั้น ค่อนข้างใช้การสื่อสารแบบครบวงจร หรือ ที่เรียกว่า IMC [Integrated Marketing Communication]
            การโฆษณา (Advertising)
            การประชาสัมพันธ์ (Public Relations)
            พนักงานขาย (Personal Selling)
            การส่งเสริมการขาย (Sales Promotion)
            กิจกรรมการตลาด (Event Marketing
ตลอดจนการใช้การสื่อสารในรูปแบบ ของ  Brand Communication ทุกอย่างที่อยู่รายรอบตราสินค้า แบรนด์ ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้อง และก่อให้เกิดผลกระทบ ต่อการสื่อสารตราสินค้าด้วยกันทั้งสิ้น


ตัวอย่าง Sale promotion เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค

วิเคราะห์ตามหลัก S W O T [S W O T Analysis]

วิเคราะห์ตามหลัก S W O T [S W O T Analysis]



S [Strengths] : - จุดแข็งของแบรนด์คือค่อนข้างประสบความสำเร็จในเรื่องของเป็นที่รู้จักของ   ผู้บริโภค [Brand Awareness]
                          -  จากชื่อเสียงของแบรนด์ที่ผู้บริโภครู้จักในฐานะสายการบินแห่งชาติ เป็นแบรนด์ผู้นำของธุรกิจประเภทนี้ในประเทศไทย [Brand Leader]
                          -   มีฐานการบินหลัก และครอบคลุมอีกทั้งกลุ่มอาเซียนยังเปิดกว้างในเรื่องของการเปิดเสรี ที่ตั้งอยู่ได้เปรียบกว่าคู่แข่งขัน นอกจากนั้นอาจทำให้สนามบินหรือฐานที่ตั้งให้เสมือนกับเป็น landmark ที่ใส่ใจในเรื่องของสิ่งแวดล้อมตามนโยบายของอาเซียนคงจะดีไม่น้อย

 
W [Weaknesses] : ในเรื่องของการจับตลาดกลุ่มเป้าหมาย [Targeting segment] และเรื่องของจุดยืนของบริการ [Posiotioning] ยังสื่อสารไม่ชัดเจนหากเปรียบเทียบกับคู่แข่ง
แต่เนื่องจากการเปรียบเทียบกับข้อมูลคู่แข่ง ฐานที่ตั้งที่ครอบคลุมกว่าอาจเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสก็เป็นได้


O [Opportunities] : จากแคมเปญโฆษณา คุณค่ะได้รับเสียงตอบรับเป็นไปในทางลบ จากผู้บริโภค แต่ก็อาจลบด้วยภาพลักษณ์ที่มีมายาวนาน ด้วยการเป็นสายการบินแห่งชาติ และยังมีการสื่อสารจากแคมเปญโฆษณาก่อนหน้านี้หลายชุดที่ยังถือว่าเป็นการสื่อสารที่ดี ไม่ว่าจะเป็น ชุดโฆษณา นำเสนอเรื่องความจงรักภักดี หรือ การบริการ 7 ประการ สู่ตลาดโลก หรือช่วยสนับสนุนของไทยจากแคมเปญ ดอยคำ
และค่านิยมของผู้บริโภคที่ยอมจ่ายแพง เพื่อให้ได้รับคุณภาพที่ดีเยี่ยมจากการเดินทาง และสายการบินไทยก็มีสิ่งนั้นรองรับตามความต้องการของผู้บริโภค


T [Threats] : - ภาวะการเมืองที่ค่อนข้างไม่แน่นอน
                    - เศรษฐกิจที่ชะลอตัว และที่สำคัญราคาน้ำมันที่เพิ่มมากขึ้น มากกว่าต้นทุนที่สายการบินต้องจ่าย
                   - ด้วยคู่แข่งที่ตั้งตัวเป็นสายการบิน Low-cost ที่รองรับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน



วิเคราะห์ตามทฤษฎี STP [ Segmentation Targeting Positioning]

Segmentation  :การบินไทยเป็นธุรกิจด้านคมนาคม ในหน้าที่สายการบินแห่งชาติ วิเคราะห์กลุ่มทางการตลาดตามเกณฑ์ ต่อไปนี้
-       Geographic : ตามหลักภูมิศาสตร์ฐานที่ตั้งหลักของสายการบิน ส่วนมากมักอยู่ตามหัวเมืองใหญ่และเส้นทางการบินตรงกับต่างประเทศ มีฐานที่ตั้งที่มั่นคง จึงสามารถรองรับความต้องการของผู้บริโภค หรือ นักเดินทางของธุรกิจประเภทนี้ได้ไม่ยาก

-       Demographic : วิเคราะห์จากหลักประชากรศาสตร์ บริการประเภทนี้มีข้อได้เปรียบตรงที่รองรับนักเดินทางทุกเพศ-ทุกวัย และตามที่หลักภูมิศาสตร์รองรับคนได้หลากหลาย  หากแต่ว่า การบินไทยมิได้เป็นสายการบิน Low-cost อย่างที่คนทั่วไปเข้าใจ แต่กลับเป็นลูกค้ายุคใหม่ที่พร้อมจ่าย สายการบินคุณภาพ อย่างการบินไทย แต่ทางสารการบินค่อนข้างทำการสื่อสารกับต่างประเทศผ่านแคมเปญโฆษณาค่อนข้างมาก หากมีการตอกย้ำจุดยืนของแบรนด์ [Brand Positioning Remind Strategy] ให้การสื่อสารชัดเจนกว่านี้คงจะไม่ยากสำหรับก้าวเข้าสู่ตลาดอาเซียน


-       Psychographic : หลากหลายสายการบิน ที่เป็นทางเลือกใหม่ให้แก่นักเดินทาง และด้วยพฤติกรรมการเลือกสรรที่ซับซ้อนของนักเดินทาง การบินไทย จึงควรวาง Positioning ให้ดีไม่ควรหลงตลาด หรือ หลงลูกค้า บางทีสายการบิน Low-cost ก็ไม่ได้เป็นทางเลือกที่ผู้บริโภคต้องการเสียทีเดียว อาจเป็นโอกาสที่ดี ของสายการบินระดับชนชั้นกลาง- ชนชั้นสูงอย่างการบินไทย ก็เป็นได้

ทัศนคติต่อสายการบินของผู้บริโภค จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่า การบินไทย ค่อนข้างเป็นที่รู้จัก แต่อาจมี Promise ของ Campaign ของชุดโฆษณาบางตัว ที่ไม่สามารถสื่อสารกับผู้บริโภคได้สำเร็จ จึงควรสร้างความน่าเชื่อถือและจุดยืนของแบรนด์ [Brand Positioning] ให้มั่นคงมากกว่านี้

Targeting : กลยุทธ์การเลือกตลาดเป้าหมายของ การบินไทย  ถือเป็นการเลือกใช้
กลยุทธ์ตลาดหลายส่วน” [ Differentiate Marketing Strategy/Multi Segment Marketing ]
มีการแบ่งส่วนตลาดเลือกตอบสนองลูกค้าแต่ละส่วนโดยใช้ส่วนประสมทางการตลาดที่แตกต่างกัน อย่างการมี นกแอร์ เป็นสายการบิน Low-Cost ตี segment ในตลาดประเทศและแบรนด์แม่อย่าง การบินไทยที่ค่อนข้างเน้นหนักไปในการสื่อสารเป้ากลุ่มเป้าหมายต่างชาติ ในยุคที่เศรษฐกิจแปรปรวนไม่แน่นอน ยุคแห่งสงครามราคาของสินค้าและบริการ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่างกันไป

ข้อดีของการใช้กลยุทธ์ คือ เป็นการกระจายความเสี่ยง [Risk]
                                   มีโอกาสที่จะเป็นผู้นำทางการตลาด [Market Leader]
                                   อาจมี Market Share เพิ่มมากขึ้น

ข้อเสียของการใช้กลยุทธ์ คือ มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง แต่เนื่องจาก การบินไทยเป็นองค์กรรัฐวิสาหกิจซึ่งมีการสนับสนุนจากรัฐบาลในเรื่องของการสื่อสารผ่านงานโฆษณาค่อนข้างสูง จากการวิเคราะห์จึงไม่น่ามีผลกระทบมากนัก


Positionning
- ความชัดเจนในเรื่องของตลาดและสินค้า [Clarity]: การสื่อสารของการบินไทย จากข้อมูลเบื้องต้นยังไม่ชัดเจนในเรื่องของ กลุ่มเป้าหมาย ด้วยการสื่อสารที่ไม่คลอบคลุมหากเปรียบเทียบกับคู่แข่ง เพราะ campaign ยังสื่อสารได้ไม่โดนใจกลุ่มเป้าหมายนัก 

-  ความต่อเนื่องที่เหนือกว่าคู่แข่ง [ Consistency ] :

-  การเสนอในสิ่งที่คู่แข่งไม่ได้ให้กับผู้บริโภค [ Competitiveness ] ด้วยเส้นทางสายการ
การบินที่ครอบคลุม และอาจย่นระยะเวลาของการเดินทางแก่ผู้บริโภคมากกว่า ด้วยบริการระดับพรีเมี่ยม

-  ความน่าเชื่อถือ  [ Credibility ]    ด้วยรางวัลการันตีในเรื่องของคุณภาพการเดินทาง และรางวัลสุขพลานามัยที่ได้รับจากองค์กรอนามัยโลก และอีกหลายๆรางวัลที่สายการบินได้รับน่าจะเป็นการการันตีความน่าเชื่อถือ ในกระบวนการการตัดสินใจของผู้บริโภคได้ไม่อยาก

ความเป็นมาและความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนกับ 6 ประเทศ [Comprehensive Economic Partnership in East asia]

จากข้อมูลเบื้องต้นของแบรนด์ การบินไทย และการประยุกต์ ผนวกกับจุดแข็งของสายการบิน “Singapore Airline” สู่การเข้าสู่ตลาดโลกอย่างอาเซียน !!!!

ความเป็นมาและความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนกับ 6 ประเทศ [Comprehensive Economic Partnership in East asia]



ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น (AEM-METI) และ AEM+3 (จีน ญี่ปุ่น เกาหลี) ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อเดือนสิงหาคม 2549 ญี่ปุ่นเสนอให้กลุ่มผู้เชี่ยวชาญภาควิชาการ (Track II) ของกลุ่มประเทศ East Asia Summit (EAS ประกอบด้วยอาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย) ทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้ง Comprehensive Economic Partnership in East Asia (CEPEA) ซึ่งเป็น FTA ระหว่าง ประเทศอาเซียน+6 (จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์)

  ที่ประชุม EAS ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2550 ณ เมืองเชบู ประเทศฟิลิปปินส์ มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการศึกษาดังกล่าว โดยญี่ปุ่นจะจัดให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างนักวิชาการซึ่งเป็นตัวแทนของแต่ละประเทศครั้งแรกในเดือนมิถุนายน 2550

กลุ่มผู้เชี่ยวชาญฯ ของ CEPEA (รศ. ดร. สุทธิพันธ์ จิราธิวัฒน์ ประธานศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำหน้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญฯ ฝ่ายไทย) ได้ทำการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการจัดทำความตกลงการค้าเสรีระหว่างประเทศอาเซียน+6 (CEPEA) โดยมีการประชุมร่วมกันทั้งหมด 6  ครั้ง
                     
  ครั้งที่ 1  เมื่อวันที่ 15-16 มิถุนายน 2550 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
  ครั้งที่ 2  เมื่อวันที่ 3-4 สิงหาคม 2550 ที่โอ๊กแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์
  ครั้งที่ 3  เมื่อวันที่ 26-27 ตุลาคม 2550 ที่กรุงเทพฯ
  ครั้งที่ 4  เมื่อวันที่ 1-2 กุมภาพันธ์ 2551 ที่กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย
  ครั้งที่ 5  เมื่อวันที่ 18-19 เมษายน 2551 ที่ประเทศฟิลิปปินส์
  ครั้งที่ 6  เมื่อวันที่ 19-20 มิถุนายน 2551 ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย


ผู้เชี่ยวชาญฯ ได้สรุปผลการศึกษา (Final report of CEPEA Track Two: Phase I) และนำเสนอต่อที่ประชุมผู้นำเอเชียตะวันออก (East Asia Summit: EAS) ในเดือนธันวาคม 2551 ณ กรุงเทพฯ   โดยระบุว่าการจัดทำ CEPEA นั้น จะทำให้ GDP ของประเทศสมาชิกเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2.11% โดยในส่วนของอาเซียนนั้น จะได้รับประโยชน์มากกว่าโดย GDP ของอาเซียน เพิ่มขึ้น 3.83% ในส่วนของไทย GDP จะเพิ่มขึ้นเท่ากับ 4.78%



นอกจากนี้ ผลการศึกษาได้ครอบคลุมประเด็นอื่นๆสำคัญ ได้แก่ ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ องค์ประกอบของ CEPEA ซึ่งประกอบด้วย  การเปิดเสรีทางการค้าและการลงทุน การอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน   ความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ พลังงานและสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีสารสนเทศ นอกจากนี้ ได้เสนอแนะแนวทางสู่การทำเขตการค้าเสรีเอเชียตะวันออก โดยเสนอให้ประเทศสมาชิกต้องเริ่มที่เข้าใจหลักพื้นฐานและเป้าหมายของ CEPEA อันจะมุ่งไปสู่การเปิดเสรี การอำนวยความสะดวก และความร่วมมือระหว่างกัน
โดยผู้เชี่ยวชาญฯ มองว่าCEPEA ควรให้ความสำคัญในเรื่องความร่วมมือ (Cooperation) เป็นอันดับแรก เพื่อมุ่งลดช่องว่างระดับการพัฒนาของแต่ละประเทศสมาชิก โดยเน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development) การถ่ายทอดเทคโนโลยี (Transfer of Technology) และสร้างความเข้มแข็งให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และที่สำคัญคือการสร้าง Capacity Building ให้แก่ประเทศพัฒนาน้อยที่สุด รวมทั้งควรพิจารณาจัดตั้งกองทุนเอเชียตะวันออก (East Asia Fund) เพื่อช่วยรองรับโครงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นและสร้างพื้นฐานสำหรับการพัฒนาต่อไป   

จากข้อมูลเบื้องต้นของแบรนด์ไทยระดับโลกอย่าง การบินไทยและความรู้ความเข้าใจของข้อตกลงอาซียนเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ การเปิดเสรีทางการค้า การลงทุน รวมไปถึงตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมและนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ซึ่งสามารถนำมาวางแผนกลยุทธ์การตลาดและกลยุทธ์การสื่อสารเพื่อก้าวเข้าสู่การเป็น Global Brand ต่อไปในแผนระยะยาว

Competitors

คู่แข่งที่มีผลกระทบในเรื่องของส่วนแบ่งการตลาด และ การรับรู้ในเรื่องของแบรนด์ต่อผู้บริโภค


1.สายการบินไทเกอร์ แอร์ไลน์ [ Tiger Airlines ]



บิดาแห่งสายการบิน “Low-Cost” เพราะตลาด Low-cost มีอัตราการเติบโตที่สูงในขณะนี้ ถือว่าเป็น Positioning ที่ขัดเจนและทำให้การบินไทยเสียส่วนแบ่งการตลาดให้สายการบิน Low-cost ถึง 50% และยังตอกย้ำจุดยืนด้วยช่องทางการจัดจำหน่ายตั๋วเครื่องบินผ่าน Internet เพื่อการลดต้นทุนและยังเป็นเสนอทางเลือกที่สะดวกสบายให้กับผู้บริโภคอีกด้วย
นอกจากนั้น ไทเกอร์แอร์เวย์ เป็น Low-cost แอร์ไลน์บริการบินระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย


สายการบินไทเกอร์ แอร์เวย์ส ยังเป็น สายการบินต้นทุนต่ำแห่งใหม่ จะเน้นตลาดในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก โดยจะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการเดินทาง และยังทำการบินครอบคลุมไปยังเอเชียตอนเหนือ และอินเดีย โดยจะเน้นการแข่งขันและแบ่งสัดส่วนการตลาดกับสายการบินต้นทุนต่ำอื่นๆ เช่น สายการบินแอร์เอเชีย โดยจะใช้โมเดลการคิดอัตราค่าโดยสารเช่นเดียวกับการคิดค่าโดยสารของไท เกอร์แอร์เวยส์ที่ออสเตรเลีย เฉลี่ยค่าโดยสารประมาณ 50 เหรียญสหรัฐต่อที่นั่ง หรือประมาณ 1,700 บาทต่อที่นั่ง แต่ครั้งนี้ราคาค่าโดยสารของสายการบินไทย ไทเกอร์ แอร์เวย์ส ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา แต่จะเป็นการใช้ค่าโดยสารในอัตราเดียวกันทั้งลำ






2. สายการบิน แอร์เอเชีย [ Air Asia Airlines ]






แอร์เอเชียเป็นสายการบินชั้นนำที่จัดตั้งขึ้นด้วยความใฝ่ฝันที่อยากจะเห็นทุกคนบินได้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 เป็นต้นมา แอร์เอเชียได้ผงาดขึ้นเป็นสายการบินที่สร้างความแตกต่างให้กับทั่วโลกและได้รับการยกย่องให้เป็นสายการบินที่ดีที่สุดในโลก โดยมีเครือข่ายเส้นทางการบินมากกว่า 20 ประเทศ และแอร์เอเชียยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการเป็นสายการบินราคาประหยัด คุณภาพเยี่ยมผ่านนวัตกรรมแห่งการสร้างสรรค์ การดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ และการบริหารธุรกิจที่เป็นเลิศ ด้วยความร่วมมือและประสานงานอย่างดีจากแอร์เอเชีย เอ็กซ์ แอร์เอเชียประเทศไทย และแอร์เอเชียอินโดนีเซีย ทำให้แอร์เอเชียพร้อมให้บริการแก่ผู้โดยสารในราคาประหยัดที่เปี่ยมด้วยความเชื่อว่า ใครๆก็บินได้

แอร์เอเชียเอ็กซ์

มุ่งเน้นการให้บริการในราคาประหยัดสำหรับเที่ยวบินที่มีระยะเวลาการบินที่มากกว่า - แอร์เอเชียเอ็กซ์ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2550 เพื่อรองรับการให้บริการที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยมีเครือข่ายการบริการแบบจุดต่อจุดและมีพิสัยการบินระยะไกล แอร์เอเชียเอ็กซ์มีระบบการจัดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพโดยเน้นการจัดการซ่อมบำรุงอากาศยาน และมีฐานปฏิบัติการการบิน ณ ท่าอากาศยานที่เหมาะสมสำหรับสายการบินราคาประหยัด และไม่มีการทำโค้ดแชร์ที่ซับซ้อนหรือวิธีการดั้งเดิมอื่นๆ ที่ต้นทุนในการบริหารจัดการที่สูง อย่างไรก็ตามเราให้ความสำคัญและใส่ใจความปลอดภัยในการให้บริการเป็นอันดับหนึ่ง เราทุ่มเทในการทำงานเพื่อให้ผู้โดยสารสามารถรับบริการในราคาประหยัดได้ผ่านทางการประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของเรา
การทำงานของแอร์เอเชียเอ็กซ์ได้รับการรับรองและดูแลโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศมาเลเซียและระดับสากล และยังได้รับการยอมรับว่ามีมาตรฐานระดับสากลอย่างสมบูรณ์แบบทั้งด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัย แอร์เอเชียเอ็กซ์มุ่งมั่นที่จะเป็นสายการบินที่ให้บริการในราคาสุดประหยัด ปลอดภัย พร้อมด้วยการบริการที่ดีเลิศ มีสิ่งให้ความบันเทิงที่น่าประทับใจบนเที่ยวบิน และเอาใจใส่ผู้โดยสารอย่างครอบคลุมและทั่วถึง และพร้อมนำผู้โดยสารบินสู่จุดหมายปลายทางในฝันทั่วทุกมุมโลกทั้ง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย ตะวันออกกลาง และ ยุโรป

เป้าหมายการทำงานของสายการบินแอร์เอเชีย

เพื่อเป็นสายการบินราคาประหยัดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ที่สามารถให้บริการแก่ผู้โดยสารที่มีข้อจำกัดด้านค่าโดยสารและการเชื่อมเส้นทางกว่า 30 ล้านคน





3. สายการบินโอเรียนไทย [ Orient Thai Airlines ]


สายการบิน โอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ (อังกฤษ: Orient Thai Airlines) เปิดให้บริการเมื่อปี พ.ศ. 2538 เดิมใช้ชื่อว่า สายการบิน โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส แอร์ โดยเปิดให้บริการเที่ยวบินเส้นทางภายในประเทศระหว่างภูมิภาค ด้วยเครื่องบินแบบ โบอิง 727 จำนวน 2 ลำ บินจากเชียงใหม่ไปยัง อุบลราชธานี อุดรธานี ขอนแก่น ฯลฯ และในปลายปี พ.ศ. 2539 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น สายการบิน โอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ และได้นำเข้าเครื่องบินแบบ ล็อกฮีต แอล-1011 ไทรสตาร์ จำนวน 2 ลำ บินจากกรุงเทพฯ ไปยังเชียงใหม่ และภูเก็ต โดยแวะพักที่อู่ตะเภา ด้วยสาเหตุที่ประเทศไทยยังไม่เปิดเสรีการบิน น่านฟ้าผูกขาดโดย การบินไทย หลังจากนั้นสายการบิน โอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ จึงได้งดให้บริการเที่ยวบินเส้นทางภายในประเทศชั่วคราว และหันไปเปิดให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำร่วมกับ สายการบิน กัมพูเชีย แอร์ไลน์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกัน และในปี พ.ศ. 2544 เมื่อประเทศไทยเปิดเสรีการบิน น่านฟ้าไม่มีการผูกขาด สายการบิน โอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ จึงได้นำเข้าเครื่องบินแบบ โบอิง 747 คลาสสิค จำนวน 2 ลำ ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 ได้เปิดเส้นทางไปยังฮ่องกง และในเดือนเมษายนปีเดียวกัน ได้เปิดเส้นทางไปยังโซล (อินชอน) ในปี พ.ศ. 2545 ได้นำเข้าเครื่องบินแบบ โบอิง 747 คลาสสิค และล็อกฮีต แอล-1011 ไทรสตาร์ มาประจำการเพิ่มเติม และได้เปิดเส้นทางเพิ่มเติมไปยังกัวลาลัมเปอร์ โดยแวะพักที่สิงคโปร์ หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2546 จึงได้ก่อตั้ง วัน-ทู-โก โดย สายการบิน โอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ ซึ่งเป็นสายการบินราคาประหยัดสายการบินแรกของประเทศไทย ภายใต้การบริหารงานของ สายการบิน โอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ *ปัจจุบัน วัน-ทู-โก โดย สายการบิน โอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ ได้ควบรวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับ สายการบิน โอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์



4. สายการบินเซาว์เวท แอร์ไลน์ [ Southwest Airlines ]

ยิ่งบิน ยิ่งกำไร สำหรับสายการบิน Southwest Airlines หรือ LUV ซึ่งเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหุ้นนิวยอร์กแล้ว โดยหัวใจและจิตวิญญาณที่เป็น keyword ของความสำเร็จคือ "ใจ"

เบื้องหลัง 34 ปีของ Southwest Airlines เต็มไปด้วยกล้าคิดกล้าทำสิ่งใหม่ที่ท้าทายและแข่งขันได้ สร้างสรรค์ด้านการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับกำไร ถือเป็น Model ต้นแบบของ Low Cost Airlines ในโลกปัจจุบัน

จากจุดเริ่มต้น สายการบินเล็กที่บินระหว่าง Houston, Dallas และ San Antonio ก่อตั้งในปี 1967 ใช้เวลาระยะแรกเพียง 3-4 ปีก็ผงาดฟ้ากลายเป็นของแปลกในวงการบินขณะนั้น โดยทำเป็นสายการบินต้นทุนต่ำ Low Cost Airlines ที่บินลักษณะ point to point แอร์โฮสเตสใส่เชิ้ตโปโลกับกางเกงขาสั้นยิ้มแย้มแจ่มใส เสิร์ฟเพียงถั่วถุงให้ผู้โดยสารแทนที่จะเป็นอาหารมื้อหนักเหมือนสายการบินหลักเขาทำกัน

"Conventional is boring, Nuts are exciting!" กลายเป็นคำชื่นชมของคนทั่วไป จนกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งในสื่ออเมริกาทุกสื่อ รวมทั้ง CBS 's 60 นาที, CNN, The Today Show, Fortune, Business Week และยิ่งโฆษณา ยิ่ง unconventional

โดยประวัติการก่อตั้งสายการบิน Southwest Airlines เกิดจาก Rolling King เจ้าของธุรกิจบริการเครื่องบินสำรองขนาดเล็ก ร่วมกับนายแบงก์ John Parker ที่ปรารภกับเพื่อนว่าต้องสิ้นเปลืองกับค่าเดินทางระหว่างฮุสตัน ดัลลัส และ San Antonio ทั้งสองจึงคิดตั้งบริษัท Air Southwest Co. (ต่อมาเปลี่ยนเป็นชื่อ Southwest Airlines Co.) เพื่อทำธุรกิจสายการบินเล็กๆ ขึ้นมา

ต้นทศวรรษ 1990 Southwest เป็นสายการบินต้นทุนต่ำที่สร้างความฮือฮาในวงการธุรกิจการบินที่ยังคงผูกขาดโดยสายการบินใหญ่ ด้วยกำไรและการบริหารธุรกิจคิดแบบนอกกรอบ ท่ามกลางวิกฤติการณ์เศรษฐกิจอันลำบากยากเข็ญของสหรัฐฯ

ผู้บริหารคนสำคัญที่มีบทบาทมากที่สุดคือ Herb Kelleher ทนายความผู้มีวิสัยทัศน์ ที่วิ่งเต้นต่อสู้ในศาล เพื่อให้ได้รับใบอนุญาตจากทางการอากาศยานเท็กซัส (TAC) เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 1968

จิตวิญญาณของ Herb Kelleher คือความบ้าแล้วรวยมั่งคั่งแบบ Luv ล้วนมีพื้นฐานมาจากใจ ที่ปลูกฝังความเชื่อในพนักงาน Southwest มากว่า 3 ทศวรรษ ถือเป็นวัฒนธรรมองค์กรธุรกิจที่แข็งแรง